ไวรัสโควิด-19 อยู่ในสภาพแวดล้อมได้นานแค่ไหน

หลายคนเกิดความสงสัยว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด-19 นั้น สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นานแค่ไหน โดยข้อมูลจากนพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า ตามปกติไวรัสต้องอยู่ในเซลล์ร่างกายคนหรือสัตว์ แต่หากอยู่ในสภาพแวดล้อมนอกร่างกายคนมันจะบอบบางและอ่อนแอลง รวมถึงไวรัสโควิด-19

วิธีป้องกันโควิดที่คนไทยต้องรู้

วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ไวรัสโควิด 19(Covid-19)”  หรือ  “ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019”  ที่กำลังระบาดหนักอยู่ขณะนี้ กลุ่มไวรัสโคโรน่านั้น ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1960 ทำให้เกิดไข้หวัดทั่วไป แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรงมาก ล่าสุดพบที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ต่างจากที่เคยเจอมาก่อน มีอาการตั้งแต่เล็กน้อย ปานกลาง ถึงรุนแรง และมีการแพร่กระจายเชื้อได้ ดังนั้นในวันนี้เราจะพาไป คำความเข้าใจและ วิธีป้องกันไวรัสโควิด 19 ให้มากยิ่งขึ้น

ทำไมข้าวเหนียวแพง?

ข้าวเหนียวแพง

ทำไมข้าวเหนียวแพง? กรมการข้าวตอบ “ปลูกน้อย-ภัยแล้ง-สต๊อกหมด”

กรมการข้าวระบุ เหตุราคาข้าวเหนียวปรับสูงขึ้นต่อเนื่องเพราะชาวนาปลูกน้อยลงและผลกระทบจากภัยแล้ง ข้าวเหนียวในสต๊อกของโรงสีขายหมดเกลี้ยง ขณะที่ความต้องการบริโภคมีมาก

หลังจากเกิดปัญหาราคาข้าวเหนียวในตลาดปรับขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กก.ละ 40-45 บาท สูงแซงราคาข้าวหอมมะลิ จากภาวะปลายฤดูทำให้สต๊อกข้าวที่ผู้ประกอบการซึ่งโดยปกติจะซื้อสต๊อกข้าวปีละ 1 รอบลดลง ประกอบกับภาวะภัยแล้งที่ทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวเหนียวฤดูกาลใหม่อาจจะลดลงจากปกติ

สำหรับพื้นที่การเพาะปลูกข้าวเหนียวส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง น่าน เป็นต้น และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สกลนคร นครพนม หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์
นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่าราคาข้าวเหนียวที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ เกิดจากปริมาณข้าวเหนียวในตลาดมีน้อยมาก ขณะที่ความต้องการบริโภคนั้นมีมาก ทั้งนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียวปรับตัวลดลง โดยปี 2560 ชาวนาขายได้เฉลี่ยตันละ 10,188 บาท และปรับตัวลดลงอีกในปี 2561 เฉลี่ยตันละ 9,549 บาท จากภาวะราคาข้าวเหนียวตกต่ำดังกล่าว ทำให้ชาวนาหันไปปลูกข้าวหอมมะลิ และอ้อยแทน

วันขอขมาพระแม่คงคา

ประเพณีลอยกระทง ตามปฏิทินทางจันทรคติ จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี โดยมีคติตามความเชื่อที่ว่า เป็นการขอขมาพระแม่คงคา ที่มนุษย์ได้ใช้น้ำ ทั้งเพื่อชำระร่างกาย ดื่มกิน รวมไปถึงทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงไปในแหล่งน้ำ นอกจากนี้ยังถือเป็นการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้าต่างๆ ให้ลอยหายไปกับแม่น้ำอีกด้วย

เกิดขึ้นในสมัยสุโขทัย

แต่ถ้าหากถามถึงประวัติของวันลอยกระทงแล้วละก็… ตามมาเลย เราจะเล่าให้คุณฟังเอง แม้ในประเทศไทยจะไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ว่ากันว่าการลอยกระทง เป็นประเพณีโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหง โดยในตอนนั้นเรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า “พิธีจองเปรียง” หรือ “การลอยพระประทีป” นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟอีกว่า เป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย จึงทำให้เชื่อกันว่า งานดังกล่าวนี้น่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน จนได้มีการสืบต่อกันเรื่อยมา ถึงกรุงรัตนโกสินทร์อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน